คลินิกสุขภาพจิต (Mental Health Clinic)
การรักษาสุขภาพจิตของ KIN ORIGIN ให้ความสำคัญกับผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางจิตเวช เพราะการรับการตรวจวินิจฉัยโดยจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้ได้ผลการตรวจที่ถูกต้อง ทางคลินิกนี้มีบริการตรวจวินิจฉัยและบำบัดอาการผิดปกติทั้งหลายโดยผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช
ความเครียดที่เกิดจากการดำเนินชีวิตที่รุนแรงในสังคมปัจจุบันอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและอารมณ์ของผู้คนมากมาย และอาจเป็นสาเหตุให้เกิดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคจิตเวชหลายชนิด หากมีอาการไม่ปกติ เช่น ความเครียด การนอนไม่หลับ ขาดสมาธิ ซึมเศร้า หรือพฤติกรรมที่ผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์เพื่อการปรึกษา เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเกิดโรคจิตเวช คลินิกสุขภาพจิตของ KIN ORIGIN มีบริการตรวจวินิจฉัยและบำบัดอาการผิดปกติทั้งหลายโดยจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่
- โรคเครียด
- โรควิตกกังวล
- โรคแพนิก (Panic Disorder)
- โรคจิตเภท (Schizophrenia)
- โรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ (Post-Traumatic Stress Disorder)
- โรคไบโพลาร์ หรือโรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar Disorder)
- โรคสมองเสื่อม (Dementia)
- โรคซึมเศร้า (Depression)
- โรคกลัวแบบเฉพาะเจาะจง (Phobias)
การรับรู้เรื่องโรคจิตเวชนั้นสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากมีผู้ป่วยที่รู้ตัวว่าตนเป็นโรคจิตเวชและมีผู้ป่วยที่ไม่รู้ตัวว่าตนเป็นโรค นอกจากนี้ มีผู้ป่วยที่สับสนในอาการป่วยทางจิตเวชบางโรคและเข้าใจผิดว่าเป็นโรคทางกาย การรับรู้เรื่องโรคจิตเวชจึงช่วยให้ผู้ป่วยสามารถตระหนักถึงสภาพของตนเอง รวมถึงการรับรู้คนรอบข้างว่าอาจเป็นผู้ป่วยหรือไม่ และช่วยในการรับมือและการรักษาที่เหมาะสม
ลักษณะอาการของโรคจิตเวช
- ความเครียดและความระคายเคืองที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- ความกังวลที่ไม่สมดุลและไม่สามารถควบคุมได้
- อาการหวาดระแวงและอยากหนีออกจากสถานการณ์ที่ทำให้เครียด
2.โรควิตกกังวล (Generalized Anxiety Disorder):
- ความกังวลและความเป็นห่วงเกี่ยวกับสถานการณ์และเหตุการณ์ทั่วไปในชีวิตประจำวัน
- อาการไม่มีวันสิ้นสุดและมีความกังวลอยู่เสมอ
- อาจมีอาการหวาดระแวงและอาจทำให้มีปัญหาในการดำเนินชีวิตประจำวัน
3.โรคแพนิก (Panic Disorder):
- การรู้สึกกลัวหรือความกังวลที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและไม่คาดฝัน
- อาการหัวใจเต้นเร็วและมีอาการหอบเหนื่อย
- อาจมีอาการหวาดระแวงและความกังวลในการเกิดอาการแพนิกเป็นต้น
4.โรคจิตเภท (Schizophrenia):
- การมีความคิดและการรู้สึกที่ผิดปกติ
- การรู้สึกตื่นตระหนกและสับสน
- การเห็นหรือได้ยินสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
5.โรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ (Post-Traumatic Stress Disorder):
- การเครียดและความกังวลที่เกิดขึ้นหลังจากประสบการณ์ที่ทำให้ร่างกายหรือจิตใจได้รับความเสีย
หายหรือสะท้อนทางจิต
- อาการซึมเศร้า
- อาการกลัวหรือหวาดระแวงที่เกิดขึ้นเมื่อมีสิ่งที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ที่เป็นที่น่าเกรงขาม
- การเปลี่ยนแปลงอารมณ์ที่มีการผันผวนระหว่างอารมณ์เบิกบานและซึมเศร้า
- การมีความคิดและพฤติกรรมที่ไม่ปกติ
- อาจมีการทำลายตัวเองหรือทำบาป
7.โรคสมองเสื่อม (Dementia):
- การลืมเรื่องสำคัญและจดจำที่เสื่อมลง
- การสับสนและความสับสนในสิ่งที่เป็นปกติ
- ความสับสนในการติดตามคำสั่งและการทำงานประจำวัน
8.โรคซึมเศร้า (Depression):
- อารมณ์เศร้าหรือช่วยระงับที่รุนแรง: มีอารมณ์เศร้าและทุกข์ทรมานมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่า
ชีวิตไม่มีค่าหรือมีความหวังน้อยลง
- ขาดความสนใจหรือความเบื่อ: ลดความสนใจในกิจวัตรประจำวัน และกิจกรรมที่เคยชื่นชอบ รวมถึงมี
ความเบื่อและอิจฉาสิ่งรอบตัว
- ขาดความสมาธิหรือลืม: มีปัญหาในการจดจำ และความสมาธิลดลง รวมถึงมีความยากลำบากในการ
ตัดสินใจและแก้ปัญหา
- การเปลี่ยนแปลงในนิสัยหรือพฤติกรรม: เช่น การเสียงาน การหลบหนีความรับผิดชอบ หรือการ
ละเลยกิจกรรมที่เคยชอบ
- อารมณ์ทางลบหรือความคิดเกี่ยวกับการตาย: รู้สึกน้อยใจ หรือคิดว่าชีวิตไม่มีค่าคราวเดียวกับความ
หวังที่จะหายไป
โรคซึมเศร้าอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอ่อนเพลีย มีความหดหู่ หรือมีอารมณ์ที่แทบไม่สามารถควบคุมได้ การรักษาโดยจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาช่วยให้ผู้ป่วยสามารถจัดการกับอาการและนำไปสู่การฟื้นคืนสุขภาพจิตได้ดีขึ้นในส่วนมาก อาจจำเป็นต้องใช้การรักษาผสมผสานระหว่างการบำบัดทางจิตและการใช้ยาในบางกรณี
9.โรคกลัวแบบเฉพาะเจาะจง (Phobias)
- อาการกลัวและความเกรงใจ: ผู้ป่วยมีความกลัวอย่างมากหรือความเกรงใจในสิ่งที่เป็นเหตุของความ
กลัว (เช่น สัตว์, วัตถุ, สถานการณ์) โดยที่ความกลัวนั้นอาจจะไม่สมเหตุสมผลหรือเกินกว่าที่ควร
- การหลีกเลี่ยง: ผู้ป่วยอาจหลีกเลี่ยงสถานการณ์หรือสิ่งที่ทำให้เกิดความกลัว แม้ว่าการหลีกเลี่ยงนั้น
อาจทำให้เข้าสู่การปรับตัวหรือการเรียนรู้ว่าสิ่งที่กลัวนั้นอาจไม่มีความเสี่ยงจริงๆ
- อาการระยะเวลาสั้น: ในกรณีที่เผชิญกับสิ่งที่ทำให้เกิดความกลัว ผู้ป่วยอาจมีอาการตื่นตระหนก หายใจ
เร็วขึ้น หัวใจเต้นเร็ว หน้ามืด เหงื่อออก หรือสั่น
- การมีอาการกลัวที่ไม่สมเหตุสมผล: ผู้ป่วยอาจรู้สึกกลัวแม้ว่ารู้ว่าความกลัวนั้นไม่สมเหตุสมผล หรือ
สามารถติดต่อสื่อสารเกี่ยวกับความกลัวได้
- การมีอาการความรู้สึกที่มากเกินไป: การกลัวอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกท้อแท้ หรือความกังวลที่สูงเกินกว่าจะ
ควบคุมได้
อาการเหล่านี้อาจทำให้ผู้ป่วยมีความเจ็บปวดทางร่างกาย ชะงักการเข้างาน หรือมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตประจำวัน การรักษาโรคกลัวแบบเฉพาะเจาะจงอาจประกอบด้วยการใช้เทคนิคบำบัดทางจิต การพูดคุย และใช้ยาบางชนิดในกรณีที่มีความจำเป็น
การรักษาสุขภาพจิตในโรคต่างๆ
มักมีหลายวิธีและแนวทางการดูแลที่แตกต่างกันไปตามลักษณะของโรคและความรุนแรงของอาการ ต่อไปนี้คือบางวิธีที่ใช้ในการรักษาสุขภาพจิตในโรคต่างๆ:
การบำบัดทางจิตใจ (Psychotherapy): การบำบัดทางจิตใจเป็นวิธีที่พบมากที่สุดในการรักษาโรคจิตเวช โดยจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาจะใช้เทคนิคและเครื่องมือต่างๆ เช่น การสนทนากับผู้ป่วย การให้คำปรึกษา หรือการนำเทคนิคการพัฒนาตนเองมาใช้ เพื่อช่วยผู้ป่วยในการเรียนรู้และจัดการกับอารมณ์ ความคิด และพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์
1.การใช้ยา (Medication): ในบางกรณีที่โรคจิตเวชมีอาการรุนแรงหรือไม่สามารถควบคุมได้ด้วยการ
บำบัดทางจิตใจเพียงอย่างเดียว แพทย์อาจสั่งให้ใช้ยาช่วยรักษา เช่น ยารักษาอารมณ์เสพติด ยา
รักษาโรควิตกกังวล หรือยารักษาโรคสมองเสื่อม การใช้ยาจะต้องให้คำแนะนำและติดตามโดยแพทย์
อย่างเคร่งครัด เนื่องจากมีความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงและความพิการ
2.การดูแลแบบบูรณาการ (Holistic Care): การดูแลที่ให้ครอบคลุมทั้งด้านกาย ใจ และจิต เช่น การออก
กำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดความเครียดและเสริมสร้างสุขภาพทั้งกายและจิต การรับประทาน
อาหารที่เพิ่มประสิทธิภาพสำหรับสมอง และการใช้เทคนิคการสมาธิและการผ่อนคลาย เป็นต้น
3.การรับการสนับสนุนจากกลุ่ม (Group Support): การร่วมกิจกรรมกับกลุ่มคนที่มีประสบการณ์ในโรค
เดียวกัน หรือการเข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนที่มีคนที่สนับสนุนและเข้าใจสภาพอารมณ์ของกันและกัน
สามารถช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ป่วยได้
4.การรับการดูแลจากครอบครัวและผู้ใกล้ชิด (Family Support): ครอบครัวและผู้ใกล้ชิดมีบทบาทสำคัญ
ในการสนับสนุนและดูแลผู้ป่วยโรคจิตเวช โดยการให้กำลังใจ การเข้าใจ และการช่วยเหลือในการดูแล
และจัดการกับอาการผู้ป่วย
5.การรับการดูแลจากทีมแพทย์ (Multidisciplinary Care): การรักษาโรคจิตเวชอาจต้องใช้ทีมแพทย์ที่มี
ความเชี่ยวชาญ
การสังเกต และรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของคนรอบข้างเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถช่วยเหลือ และสนับสนุนได้ตรงจุดที่จำเป็น การให้คำปรึกษา และสนับสนุนอาจช่วยให้พวกเขารับรู้ถึงปัญหาที่พวกเขากำลังเผชิญ และช่วยนำพาพวกเขาสู่การรักษาที่เหมาะสมกับสภาพความเป็นห่วงของพวกเขาด้วย หากมีความเป็นสงสัยหรือความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพจิตของคนรอบข้าง การรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญอาจเป็นการเริ่มต้นที่ดีได้ หรือปรึกษาเราได้
ติดต่อเรา (Contact)
สนใจสอบถามข้อมูล และ ติดตาม KIN (คิน) - Rehabilitation & Homecare
Line
@Kinrehab
Call
091-803-3071
Call
095-884-2233