ศูนย์ตรวจการนอนหลับ เอสเอ็มดีเอกซ์ คิน-ออริจิ้น
SMDX KIN-ORIGIN Sleep Center
ตรวจการนอนหลับแบบ Full Sleep Test
( Full Sleep Test ราคาปกติ 15,000 บาท เหลือเพียง 9,999 บาท )

     

Sleep Test หรือการตรวจการนอนหลับ เป็นการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ที่ใช้ประเมินคุณภาพการนอนของเรา มีจุดประสงค์เพื่อค้นหาความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการนอน เช่น  ท่าทางการนอน การกรนที่ดังผิดปกติ รวมทั้งอาการที่นอนไม่หลับ ที่ทำให้ส่งผลกับชีวิตประจำวันของเรา หลายคนอาจจะสงสัยว่า แค่เราง่วงนอนระหว่างวัน เพราะเรานอนน้อย นอนกรนเพราะทำงานเหนื่อย มันผิดปกติตรงไหน เราจะอธิบายให้คุณเข้าใจว่า อาการพวกนี้ไม่ใช่อาการที่ปกติธรรมดา แต่เป็นสัญญาณเตือนของร่างกายเรา 

 

มาลองตอบคำถามง่าย ๆ ด้วยกันว่า คุณมีสัญญาณเตือนเหล่านี้หรือไม่?

  1. เคยรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งวัน ง่วงช่วงกลางวัน ทั้งที่นอนครบ 8 ชั่วโมงหรือไม่? 
  2. รู้สึกวูปหลับ หรือง่วงช่วงกลางวันมากกว่าปกติหรือไม่? 
  3. คู่นอนบอกว่าคุณกรนดังมากหรือไม่? 
  4. คุณเคยรู้สึกหายใจติดขัด หรือสะดุ้งตื่นกลางดึกเพราะรู้สึกหายใจไม่ออกหรือไม่?
  5. คุณมีปัญหานอนไม่หลับ หลับยาก หรือตื่นกลางดึกบ่อยๆ หรือไม่?

ถ้าใช่ นี่เป็นสัญญาณของปัญหาการนอนที่ซ่อนอยู่ที่คุณไม่รู้

 

ปัญหาการนอนไม่หลับ ไม่ใช่แค่เรื่องน่ารำคาญ แต่ส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพ ตั้งแต่การขาดสมาธิในที่ทำงาน เสี่ยงอุบัติเหตุจากการหลับใน และการนอนกรน อาจเป็นอาการของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว อาจร้ายแรงไปถึงเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ ความดันสูง และเบาหวาน จากปัญหาเรื้อรังนี้

 

นี่คือเหตุผลที่ว่า ทำไมคุณต้องทำสลีปเทส (Sleep Test) เพราะการตรวจวินิจฉัย และรักษาปัญหาการนอนตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่เพียงช่วยให้คุณนอนหลับดีขึ้น แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดีในอนาคตอีกด้วย เพราะถ้าหากคุณมีการนอนที่ดี ร่างกายพักผ่อนเพียงพอ ก็ทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ทำให้เราแข็งแรงนั่นเอง

   
   

อาการนอนผิดปกติที่บ่งบอกว่าถึงเวลาต้องทำ Sleep Test

  1. ผู้ที่นอนกรนรุนแรง หรือมีอาการหยุดหายใจขณะนอน
  2. ผู้ที่มีอาการง่วงนอนมากผิดปกติในเวลากลางวัน เช่น หลับคาโต๊ะทำงานหรือขณะขับรถ
  3. ผู้ที่มีปัญหานอนไม่หลับเรื้อรัง
  4. ผู้ที่รู้สึกเหนื่อยล้าเรื้อรังแม้นอนเพียงพอ
  5. ผู้ที่มีพฤติกรรมผิดปกติขณะนอน เช่น ขากระตุก ละเมอ หรือฝันร้ายบ่อย
  6. ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่อาจส่งผลต่อการนอน เช่น โรคหัวใจ ความดันสูง
  7. ผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน
  8. ผู้ที่มีปัญหาด้านอารมณ์หรือสมาธิ เช่น ซึมเศร้า วิตกกังวล
  9. ผู้ที่ทำงานเป็นกะหรือมีตารางการนอนไม่แน่นอน
  10. ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคเกี่ยวกับการนอนหลับ
  11. คนทำงานกะหรือมีตารางการนอนไม่แน่นอน
  12. ผู้สูงอายุที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการนอน

การตัดสินใจทำสลีปเทส ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อประเมินความจำเป็นและความเหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคลครับ

   
   
   

ประเภทของการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test)

การตรวจวินิจฉัยที่ใช้ประเมินคุณภาพการนอน และวินิจฉัยปัญหาการนอนหลับต่างๆ โดยทั่วไปมี 3 ประเภทหลัก คือ

1. การตรวจการนอนหลับแบบในห้องปฏิบัติการ (In-lab Sleep Study)

Polysomnography (PSG)  เป็นการตรวจการนอนหลับแบบละเอียดที่สุดและถือเป็นมาตรฐานทองในการวินิจฉัยความผิดปกติของการนอนหลับ การตรวจนี้จะทำในห้องปฏิบัติการพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อการนอนหลับโดยเฉพาะ สามารถวินิจฉัยปัญหาการนอนหลับ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea), การนอนกรน, โรคลมหลับ (Narcolepsy) และความผิดปกติอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับได้อย่างแม่นยำ

   - ผู้ป่วยต้องนอนค้างคืนที่โรงพยาบาล หรือศูนย์ตรวจการนอนหลับ

   - มีการติดอุปกรณ์ตรวจวัดหลายชนิด เช่น คลื่นสมอง การเคลื่อนไหวของตา กล้ามเนื้อ อัตราการหายใจ ระดับออกซิเจนในเลือด

   - สามารถวินิจฉัยได้ละเอียด และแม่นยำที่สุด


2. การตรวจการนอนหลับที่บ้าน (Home Sleep Test)

Home Sleep Test (HST) เป็นทางเลือกที่สะดวกกว่าสำหรับผู้ที่ไม่สามารถไปนอนที่โรงพยาบาลได้ หรือสำหรับการคัดกรองเบื้องต้น แม้จะให้ข้อมูลน้อยกว่า PSG แต่ก็เพียงพอสำหรับการวินิจฉัยภาวะหยุดหายใจขณะหลับในระดับปานกลางถึงรุนแรง

   - ผู้ป่วยสามารถทำการทดสอบที่บ้านได้

   - ใช้อุปกรณ์พกพาขนาดเล็ก วัดการหายใจ ระดับออกซิเจน และอัตราการเต้นของหัวใจ

   - เหมาะสำหรับผู้ที่สงสัยว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea)


3. การทดสอบความง่วงช่วงกลางวัน Multiple Sleep Latency Test (MSLT)

Multiple Sleep Latency Test (MSLT) เป็นการทดสอบที่ประเมินระดับความง่วงในเวลากลางวัน และความสามารถในการเข้าสู่การนอนหลับลึกของบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้ในการวินิจฉัยโรคที่เกี่ยวกับการนอน เช่น โรคลมหลับ (อาการง่วงนอนผิดปกติกะทันหัน) และ ภาวะง่วงนอนมากเกินไปโดยไม่ทราบสาเหตุ

   - ตรวจสอบว่าผู้รับการทดสอบใช้เวลานานเท่าไรในการเริ่มหลับ

   - วัดระยะเวลาที่ใช้ในการเข้าสู่ช่วงการนอนฝัน

 

ความแตกต่างหลัก การตรวจในห้องปฏิบัติการ vs. การตรวจที่บ้าน

 

   

การตรวจในห้องปฏิบัติการ (In-lab Sleep Study)

ข้อดี: ละเอียด แม่นยำสูง วินิจฉัยได้หลายโรค

ข้อเสีย: ราคาแพง ต้องนอนโรงพยาบาล อาจนอนไม่เป็นธรรมชาติ

เหมาะสำหรับ: ผู้ที่สงสัยว่ามีปัญหาการนอนซับซ้อน หรือมีโรคประจำตัวหลายอย่าง

 

การตรวจที่บ้าน (Home Sleep Test)

ข้อดี: สะดวก ราคาถูกกว่า นอนในสภาพแวดล้อมคุ้นเคย

ข้อเสีย: ข้อมูลจำกัด อาจเกิดข้อผิดพลาดจากการใช้อุปกรณ์

เหมาะสำหรับ: ผู้ที่สงสัยว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับแบบอุดกั้น (OSA) โดยไม่มีโรคซับซ้อนอื่น

 

ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสม โดยพิจารณาจากอาการ ประวัติสุขภาพ และความสะดวกของผู้ป่วย

 

 

Sleep Test ตรวจครบ จบทุกปัญหาการนอน

การตรวจการนอนหลับ มีการตรวจวัดหลายอย่างเพื่อประเมินคุณภาพการนอนของคุณอย่างละเอียด โดยทั่วไปจะตรวจวัดสิ่งต่อไปนี้


1. ตรวจคลื่นสมอง (EEG) และคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG)

- ช่วยระบุระยะการนอนต่างๆ (ระยะตื้น ลึก และ REM)บ่งชี้ความเสี่ยงต่อโรคทางระบบประสาท เช่น 

    * ภาวะสมองเสื่อม (Dementia): พบความผิดปกติของคลื่นสมองในช่วง slow wave sleep 

    * โรคพาร์กินสัน: อาจพบการลดลงของ REM sleep และการเพิ่มขึ้นของ sleep fragmentation

    * โรคลมชัก: อาจพบคลื่นสมองผิดปกติระหว่างการนอนหลับ

- ตรวจจับภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของโรคหัวใจ


2. ตรวจการเคลื่อนไหวของตา (EOG)

- ช่วยระบุช่วง REM sleep ซึ่งสำคัญต่อการฟื้นฟูสมอง และความจำ

- การลดลงของ REM sleep อาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะซึมเศร้าหรือโรคอัลไซเมอร์


3. ตรวจการทำงานของกล้ามเนื้อ (EMG):

- ตรวจจับภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งผิดปกติ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับโรค REM Sleep Behavior Disorder (RBD)

- RBD เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคพาร์กินสันและโรคสมองเสื่อมชนิดอื่นๆ


4. ตรวจการหายใจ และระดับออกซิเจนในเลือด

- ช่วยวินิจฉัยภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea)

- Sleep Apnea เพิ่มความเสี่ยงต่อ:

   * โรคหัวใจและหลอดเลือด

   * โรคเบาหวาน

   * ภาวะสมองเสื่อม

   * โรคซึมเศร้า

   



5. ตรวจการเคลื่อนไหวของขา

- ตรวจจับอาการ Restless Legs Syndrome (RLS) และ Periodic Limb Movement Disorder (PLMD)

- RLS และ PLMD อาจเป็นสัญญาณเตือนของ:

   * ภาวะซีดจากการขาดธาตุเหล็ก

   * โรคไตเรื้อรัง

   * โรคพาร์กินสัน


6. ตรวจเสียงกรน และท่าทางการนอน

- ช่วยในการวินิจฉัยภาวะนอนกรน และ Sleep Apnea

- การนอนกรนรุนแรงเพิ่มความเสี่ยงต่อ

   * โรคความดันโลหิตสูง

   * โรคหลอดเลือดสมอง

   * ภาวะหัวใจล้มเหลว


7. ตรวจด้วยกล้องวิดีโอ

- ช่วยตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติขณะนอน เช่น

   * การละเมอ ซึ่งอาจเป็นอาการของโรคลมชัก

   * การเดินละเมอ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับภาวะเครียดหรือวิตกกังวล

 

การทำสลีปเทส (Test  Sleep) จึงไม่เพียงแต่ช่วยวินิจฉัยปัญหาการนอนเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการคัดกรอ งและป้องกันโรคร้ายแรงหลายชนิด ทำให้สามารถวางแผนการรักษาและป้องกันได้อย่างทันท่วงที



ศูนย์ตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) คืออะไร?

ศูนย์ตรวจการนอนหลับ SMDX KIN-ORIGIN Sleep Center เป็นสถานที่เฉพาะทางที่ให้บริการตรวจวินิจฉัยปัญหาการนอนอย่างครบวงจร โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ในการการตรวจ "สลีปเทส" (Sleep Test) เป็นสถานที่ตรวจการนอนหลับโดยการนอนค้างคืนที่ศูนย์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถบันทึก และวิเคราะห์ข้อมูลสำคัญระหว่างการนอน เช่น คลื่นสมอง, รูปแบบการหายใจ, ระดับออกซิเจนในเลือด, การเคลื่อนไหวของร่างกาย และการทำงานของกล้ามเนื้อ ศูนย์ตรวจการนอนหลับ SMDX KIN-ORIGIN Sleep Center ของเรา มีห้องนอนพิเศษ 8 ห้อง มีนักตรวจการนอนหลับ (Sleep Technician) คอยเฝ้าสังเกต และดูแลตลอดทั้งคืน


"SMDX KIN-ORIGIN Sleep Center: ศูนย์เชี่ยวชาญการตรวจการนอนหลับแบบครบวงจร

Full Sleep Test - ตรวจการนอนหลับและแม่นยำที่สุดในปัจจุบัน""



Polysomnography (PSG) คืออะไร?

Polysomnography หรือ PSG เป็นวิธีวิเคราะห์การนอนที่ละเอียดที่สุดในปัจจุบัน เสมือนการ "สแกน" ทุกระบบในร่างกายขณะคุณหลับ ด้วยอุปกรณ์หลากหลายชนิดที่ติดตั้งบนตัวคุณ การทดสอบนี้จัดขึ้นในห้องพิเศษที่จำลองบรรยากาศใกล้เคียงกับการนอนที่บ้านของคุณมากที่สุด


PSG วิเคราะห์อะไรบ้าง?
1. กิจกรรมสมอง (Electroencephalogram - EEG)

   - บันทึกคลื่นสมองเพื่อแยกแยะช่วงต่างๆ ของการนอน เช่น ระยะฝัน (REM sleep)

   - ช่วยระบุความผิดปกติ เช่น ภาวะง่วงผิดปกติ หรือนอนไม่หลับ (Insomnia)

2. การขยับของดวงตา (Electrooculogram - EOG)

   - สังเกตการเคลื่อนไหวของลูกตา โดยเฉพาะในช่วงฝัน

   - ช่วยบ่งชี้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการนอนในระยะฝัน

3. พฤติกรรมการหายใจ 

   - ติดตามการไหลเวียนของลมหายใจ และการเคลื่อนไหวของอก

   - ช่วยค้นหาภาวะหยุดหายใจชั่วคราว (Sleep Apnea) หรือรูปแบบการหายใจที่ผิดปกติ

4. สัญญาณชีพของหัวใจ (Electrocardiogram - ECG)

   - ติดตามจังหวะการเต้นของหัวใจตลอดคืน

   - ช่วยระบุความผิดปกติของหัวใจที่สัมพันธ์กับการนอน

5. การเคลื่อนไหวของร่างกาย (Electromyogram - EMG)

   - ติดตามการกระตุกของกล้ามเนื้อ และระดับการผ่อนคลาย

   - ช่วยวินิจฉัยอาการกระตุกของขาขณะหลับ (Periodic Limb Movement Disorder) หรือร่างกายขณะนอน

6. ปริมาณออกซิเจน (Pulse Oximetry)

   - วัดระดับออกซิเจนในกระแสเลือด

   - ประเมินผลกระทบของปัญหาการหายใจต่อร่างกาย

   - ช่วยประเมินความรุนแรงของปัญหาการหายใจขณะนอนหลับ


PSG  ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยปัญหาการนอนได้อย่างแม่นยำ นำไปสู่แนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล





ทำไม PSG จึงเป็นวิธีที่แพทย์แนะนำมากที่สุดในการวินิจฉัยปัญหาการนอน

การนอนหลับเป็นกระบวนการซับซ้อนที่เกี่ยวข้องกับระบบต่างๆ ในร่างกายมากมาย การวินิจฉัยปัญหาการนอนจึงต้องอาศัยข้อมูลที่ละเอียด และครอบคลุม นี่คือเหตุผลที่ Polysomnography (PSG) ได้รับการยอมรับจากแพทย์ทั่วโลกว่าเป็นมาตรฐานสูงสุดในการตรวจวินิจฉัยปัญหาการนอน


1. ครอบคลุมทุกมิติ

   - PSG ตรวจวัดหลายระบบพร้อมกัน ทั้งสมอง หัวใจ การหายใจ และการเคลื่อนไหว

   - การตรวจแบบอื่นมักเน้นเพียงด้านเดียว เช่น ตรวจคลื่นสมองอย่างเดียว หรือวัดการหายใจเพียงอย่างเดียว


2. เห็นภาพรวมขณะนอนจริง

   - PSG บันทึกข้อมูลตลอดทั้งคืน ทำให้เห็นรูปแบบการนอนที่แท้จริง

   - ลดความคลาดเคลื่อนจากการรายงานอาการของผู้ป่วย

   - การตรวจแบบอื่นอาจเป็นเพียงการวัดในช่วงสั้นๆ หรือการรายงานจากความทรงจำของผู้ป่วย ซึ่งอาจไม่สะท้อนปัญหาที่แท้จริง


3. วินิจฉัยแยกโรคได้

   - PSG สามารถแยกแยะระหว่างปัญหาการนอนหลับหลายชนิดที่มีอาการคล้ายกัน

   - ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea)

   - โรคลมหลับ (Narcolepsy)

   - ภาวะขากระตุกขณะหลับ (Periodic Limb Movement Disorder)

   - ภาวะนอนละเมอ (Parasomnia)

   - ภาวะนอนไม่หลับ (Insomnia) *ที่มีสาเหตุทางกายภาพ

   - การตรวจทั่วไปอาจไม่สามารถระบุความแตกต่างระหว่างโรคที่มีอาการคล้ายกันได้


4. เชื่อมโยงสาเหตุ และผลกระทบ

   - PSG แสดงให้เห็นว่าปัญหาในระบบหนึ่งส่งผลต่อระบบอื่นอย่างไร เช่น การหยุดหายใจส่งผลต่อคลื่นสมองและหัวใจ

   - เชื่อมโยงคุณภาพการนอนกับอาการที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน

   - การตรวจแบบแยกส่วนอาจไม่เห็นความเชื่อมโยงนี้


5. ประเมินความรุนแรงได้แม่นยำ

   - PSG ให้ข้อมูลเชิงปริมาณที่ชัดเจน ช่วยในการประเมินความรุนแรงของปัญหา

   - การประเมินด้วยวิธีอื่นอาจขึ้นอยู่กับความรู้สึกของผู้ป่วย ซึ่งอาจไม่ตรงกับความรุนแรงที่แท้จริง

   - ช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาแบบองค์รวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ PSG จึงเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการช่วยแพทย์วินิจฉัยและวางแผนการรักษาปัญหาการนอนได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ตรงจุดและมีโอกาสฟื้นฟูคุณภาพการนอนได้ดียิ่งขึ้น



กระบวนการตรวจสอบการนอนหลับในห้องในศูนย์ตรวจการนอนหลับ SMDX KIN-ORIGIN Sleep Center





1. การเตรียมตัวก่อนการตรวจ

   - ผู้รับการตรวจจะได้รับคำแนะนำในการเตรียมตัว เช่น งดดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันตรวจ

   - หลีกเลี่ยงการงีบหลับกลางวัน และนำยาประจำตัวมาแจ้งแพทย์


2. การติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัด

   - เจ้าหน้าที่จะติดตั้งเครื่องมือต่างๆ บนร่างกายผู้รับการตรวจ

   - อุปกรณ์ประกอบด้วย แผ่นรับสัญญาณคลื่นสมองและการเคลื่อนไหวของตา

   - สายรัดวัดการหายใจ และเครื่องวัดระดับออกซิเจนในเลือด


3. การตรวจสอบระหว่างการนอนหลับ (sleep test)

   - ผู้รับการตรวจจะนอนในห้องพิเศษที่ติดตั้งอุปกรณ์ครบครัน

   - เจ้าหน้าที่จะบันทึกการทำงานของร่างกายตลอดทั้งคืน

   - การตรวจนี้เรียกว่า "การตรวจการนอนหลับแบบครบวงจร"  Polysomnography (PSG)


4. การวิเคราะห์ และรายงานผล

   - ข้อมูลที่ได้จะถูกนำมาวิเคราะห์โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอน

   - ผลการวิเคราะห์จะช่วยในการประเมินและวินิจฉัยความผิดปกติเกี่ยวกับการนอน


ประโยชน์ของการตรวจสอบการนอนหลับในห้องปฏิบัติการ




1. การวินิจฉัยโรค และความผิดปกติในการนอน

   - ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยได้แม่นยำ เช่น การหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea), โรคลมชัก (Seizure Disorders), โรคนอนไม่หลับ (Insomnia) และโรคการเคลื่อนไหวผิดปกติระหว่างการนอนหลับ (Restless Legs Syndrome)


2. การประเมินความรุนแรงของโรค

   - ทำให้แพทย์สามารถวัดระดับความรุนแรง และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม


3.การติดตามผลการรักษา

   - ใช้ประเมินประสิทธิภาพของการรักษาที่ได้รับ


ความสำคัญของการตรวจสอบการนอนหลับ  (Sleep Test)

การนอนที่มีคุณภาพมีความสำคัญต่อสุขภาพโดยรวม ช่วยให้ร่างกายและจิตใจฟื้นฟู การนอนไม่เพียงพอหรือผิดปกติอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพหลายด้าน เช่น

   - ความจำเสื่อมถอย

   - ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

   - เสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดสูงขึ้น

   - อารมณ์แปรปรวน


การตรวจการนอนหลับ (Test Sleep) เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการค้นหา และรักษาปัญหาการนอน หากคุณมีข้อกังวลเกี่ยวกับการนอน ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการนอน เพื่อรับคำแนะนำและพิจารณาการตรวจที่เหมาะสม นำไปสู่การรักษาที่ตรงจุด

 
 
 

Hyperboric Oxygen Therapy (HBOT)  รักษาอาหารนอนไม่หลับ

การบำบัดด้วยออกซิเจนความดันสูง (Hyperbaric Oxygen Therapy หรือ HBOT) เป็นวิธีการรักษาที่มีการใช้ออกซิเจนบริสุทธิ์ภายใต้แรงดันสูงกว่าบรรยากาศปกติ ซึ่งสามารถช่วยบรรเทา และรักษาหลากหลายอาการและภาวะทางสุขภาพ อย่างไรก็ตาม การใช้ HBOT ในการรักษาอาการนอนไม่หลับนั้นยังเป็นเรื่องที่มีการศึกษากันอย่างต่อเนื่อง

 

HBOT และอาการนอนไม่หลับ

   1. การเพิ่มปริมาณออกซิเจนในร่างกาย

     HBOT ช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนในเลือดและเนื้อเยื่อทั่วร่างกาย ซึ่งอาจช่วยปรับปรุงการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายรวม

     ถึงระบบประสาท ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและอาจช่วยให้หลับสบายขึ้น

   2. การลดการอักเสบและบรรเทาความเครียด

      HBOT มีฤทธิ์ในการลดการอักเสบและช่วยบรรเทาความเครียด ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ

   3. การฟื้นฟูสมอง

     มีการศึกษาแสดงว่า HBOT สามารถช่วยฟื้นฟูสมองและระบบประสาท ซึ่งอาจช่วยแก้ปัญหาการนอนไม่หลับที่เกิดจากความผิด

     ปกติของสมองหรือระบบประสาท

   4. การปรับปรุงคุณภาพการนอน

     HBOT อาจช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับโดยรวม ทำให้การนอนหลับเป็นไปอย่างราบรื่นและลึกขึ้น ซึ่งสามารถลดอาการตื่น

     กลางดึกและทำให้รู้สึกสดชื่นเมื่อตื่นนอน

 
 
 

ผู้ที่ควรพิจารณาใช้ HBOT สำหรับอาการนอนไม่หลับ

   - ผู้ที่มีอาการนอนไม่หลับเรื้อรังและไม่ได้ผลจากการรักษาแบบอื่น ๆ

   - ผู้ที่มีความเครียดสูงหรือมีอาการซึมเศร้าที่ส่งผลต่อการนอนหลับ

   - ผู้ที่มีปัญหาด้านการหายใจที่อาจเป็นสาเหตุของการนอนไม่หลับ

   - ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสมองหรือระบบประสาทจากการบาดเจ็บหรือโรคต่าง ๆ

 

คำแนะนำในการรับการรักษา HBOT

   1. ปรึกษาแพทย์

     ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมและความปลอดภัยของการรับการบำบัด HBOT สำหรับอาการนอนไม่หลับ

     ของคุณ

   2. ปฏิบัติตามคำแนะนำ

      ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดในการรับการบำบัด HBOT

   3. ติดตามผลการรักษา

      ควรติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิด และรายงานอาการให้แพทย์ทราบเพื่อปรับแผนการรักษาตามความเหมาะสม

 

การบำบัดด้วยออกซิเจนความดันสูง (HBOT) มีศักยภาพในการช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับโดยการเพิ่มปริมาณออกซิเจนในร่างกาย ลดการอักเสบและความเครียด และปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเริ่มการรักษาเพื่อประเมินความเหมาะสมและความปลอดภัยในแต่ละกรณี

 

หากใครสนใจ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการกรน อาการนอนไม่หลับ หรือสนใจบำบัดด้วยออกซิเจน สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ช่องทางด้านล่าง

สอบถามข้อมูล
KIN ORIGIN

 

 
KIN Origin Healthcare Wellness Center
ซอยแบริ่ง 10 สุขุมวิท 107
 
เวลาทำการ  ทุกวัน 08.00 – 19.00 น.
แผนที่
อาคาร KIN Origin HealthCare Wellness Center
https://goo.gl/maps/5GzBKxGgzdNVwSw29

Rehabilitation & Homecare

Twin Room

KIN Rehabilitation

        ห้องคู่ ห้องพักพิเศษ ช้้น 2   สิ่งอำนวยความสะดวก  LED SMART TV 40 นิ้ว  ... 

อ่านต่อ...

โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดสมองตีบ โรคหลอดเลือดสมองแตก

KIN Rehabilitation

โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)                            ... 

อ่านต่อ...

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เนอสซิ่งโฮม (Nursing Home) รับดูแลผู้สูงอายุ ระยะสั้น ระยะยาว

KIN Rehabilitation

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ KIN Nursing Home             ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุลาดพร้าว เนอร์สซิ่งโฮม สถา... 

อ่านต่อ...

อาคารศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ (Nursing Home Building)

KIN Rehabilitation

อาคารศูนย์ฟื้นฟู Rehabilitation Building เป็นอาคารเหล็ก 2 ชั้น ตกแต่งแบบ Modern Loft สไตล์รีสอร์ท มีสวน สนามหญ้า อยู่บนอาคาร... 

อ่านต่อ...

ค่าบริการห้องพัก

KIN Rehabilitation

ค่าบริการห้องพัก (Room Rate) สอบถามข้อมูล และนัดดูสถานที่         สอบถามข้อมูล และนัดดูสถานที่   ติ... 

อ่านต่อ...

สถานที่ห้องพัก (Premium Room)

KIN Rehabilitation

สถานที่ห้องพัก (Premium Room)    “KIN” (คิน) เป็นศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองและดูแลผู้สูงอายุ ภ... 

อ่านต่อ...

ห้องเดี่ยว VIP

KIN Rehabilitation

ค่าบริการห้องพักห้อง เดี่ยว VIP (VIP Single Room)       สอบถามข้อมูล และจองคิวกายภาพบำบัด    ... 

อ่านต่อ...

โรคกระดูกสันหลังคด ในเด็กและในผู้ใหญ่ (Scoliosis)

KIN Rehabilitation

โรคกระดูกสันหลังคด ในเด็กและในผู้ใหญ่ (Scoliosis)      สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการของโรคนี้ 20% เกิดจากตัวโรคที่ม... 

อ่านต่อ...

บริการของ “KINORIGIN” (คินออริจิ้น)

KIN Rehabilitation

บริการของเรา (Programs) "KIN ORIGIN" (คินออริจิ้น) เป็นศูนย์ดูแลด้านสุขภาพเพื่อการฟื้นฟูร่างกายอย่างครบวงจร ที่มุ่งเน้นการดู... 

อ่านต่อ...

ห้องรวม Shared Room 6 เตียง

KIN Rehabilitation

        ห้องรวม Shared Room 6 เตียง สิ่งอำนวยความสะดวก SMART TV LED 1 เครื่อง ขนาด 65 นิ้วอินเทอร์เน็ต-Wi... 

อ่านต่อ...

ข่าวสาร บทความ บทสัมภาษณ์ Promotion

KIN Rehabilitation

 

อ่านต่อ...

คลินิกโรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดสมองตีบ โรคหลอดเลือดสมองแตก

KIN Rehabilitation

คลินิกโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke Clinic) คลินิกเฉพาะทางโรคสมอง และระบบประสาท ฟื้นฟูอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคหลอดเลือดสมอง ด้วยเทคโนโ... 

อ่านต่อ...
KIN Rehab